วรรณกรรม
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไม่ทรงมีเวลามากนักในการที่จะฟื้นฟูวรรณกรรมที่สูญหายไปวรรณคดี สมัยธนบุรีจึงมีไม่มากนักแต่ที่ยังพอมีปรากฏอยู่ก็ล้วนแล้วแต่มีคุณค่าแทบทั้งสิ้น เช่น
บทละครเรื่องรามเกียรติ์ (บางตอน)
เป็นบทพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเมื่อปีพุทธศักราช 2313 โดยทรงใช้เค้าโครงเรื่องจากมหากาพย์รามายนะของอินเดียเท่าที่พบมีจำนวน 4 ตอน
ลิลิตเพชรมงกุฏ
แต่งโดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน) กวีเอกในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชตั้งแต่ ครั้งยังดำรงตำแหน่งหลวงสรวิชิต (หน) ในรัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช โดยนำนิทานเรื่องเวตาลปกรณัมมาเป็นเค้าโครงเรื่องตอนที่เวตาลเล่านิทานปริศนา เรื่องเจ้าชายเพชรมงกุฏ
อิเหนาคำฉันท์
แต่งโดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน) โดยเนื้อเรื่องแต่งตามเค้าโครงบทละครเรื่องอิเหนาซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้ามงกุฎในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยเริ่มตั้งแต่ตอนอิเหนาเผาเมืองดาหาและปลอมเป็นจรกาลักพาบุษบาไปซ่อนไว้ในถ้ำจนถึงอิเหนากลับไปแก้ความสงสัยที่กรุงดาหา
โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี
แต่งโดย นายสวน มหาดเล็กเป็นหนังสือที่นับถือกันมาว่าแต่งดีได้รับการยกย่องให้เป็นตำราโคลงเรื่องหนึ่ง และยังให้ความรู้ด้านโบราณคดีด้วย
กฤษณาสอนน้องคำฉันท์
ฉบับกรุงธนบุรี เป็นฉบับที่ได้แต่งซ่อมขึ้นใหม่ โดยพระยาราชสุภาวดีสมัยที่ดำรงตำแหน่ง "เสนาบดีหลวง" เมืองนครศรีธรรมราช มีข้อสันนิษฐานว่าพระยาราชสุภาวดีอาจจะแต่งเรื่องนี้ขึ้นแทนฉบับสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ลบเลือนและสูญหายไปโดยได้อาราธนาพระภิกษุอินทร์มาช่วยแต่งต่อจนจบบริบูรณ์
นิราศพระมหานุภาพไปเมืองจีน
"นิราศเมืองกวางตุ้ง" แต่งโดยพระยามหานุภาพ เป็นกลอนนิราศที่แต่งขึ้นในสมัยกรุงธนบุรีมีความ สำคัญยิ่งในทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นจดหมายเหตุฉบับเดียวที่ปรากฎเรื่องราวที่สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราชทรงแต่งราชทูตไปเจริญทางพระราชไมตรี ณ กรุงปักกิ่ง ถือว่าเป็นวรรณกรรมล้ำค่าที่ให้อรรถรส ทางกวีนิพนธ์ประเภทกลอนเรื่องแรกที่กวีพรรณาการเดินทางทางทะเลจากประสบการณ์ของตนเอง
นิทานเรื่องปาจิตกุมารกลอนอ่าน
เป็นชาดกเรื่องหนึ่งจากหนังสือปัญญาสชาดก ต้นฉบับมีด้วยกัน 5 เล่มสมุดไทย 4 เล่มเป็นสำนวนของวรรณกรรมสมัยกรุงธนบุรีเพราะมีหลักฐานชัดเจนระบุวันเดือนปีต่อท้ายเรื่องแต่ไม่ปรากฏนามผู้แต่งส่วนอีก 1 เล่ม แต่งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นิทานสุภาษิตเรื่องพระโพธิสัตว์โกสามภิน
เป็นนิทานคำกาพย์อีกเรื่องหนึ่ง สันนิษฐานว่าอาจเป็นการแต่งของกวีคนเดียวกันกับที่แต่งเรื่องปาจิตกุมาร
นาฏศิลปและการละคร
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จไปปราบชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราชในพุทธศักราช 2312 ได้ทรงนำตัว ละครผู้หญิงของเจ้านครศรีธรรมราชเข้ามาเป็นครูฝึกหัดร่วมกับพวกละครที่ทรงรวบรวมได้จากที่อื่นแล้วจัดตั้งเป็นละครหลวงของกรุงธนบุรี โดยยึดแบบฉบับการฝึกละครของกรุงศรีอยุธยาส่งผลให้ศิลปะการละครของไทย ซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองมากตอนปลายอยุธยากลับฟื้นตัวขึ้นใหม่ นอกจากนี้ยังได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ เพื่อให้คณะละครหลวงได้นำไปฝึกหัดออกแสดงด้วย
ศิลปการช่าง
ภาพเขียนที่งดงามประณีตในสมัยธนบุรีที่สำคัญยิ่ง คือ "สมุดภาพไตรภูมิ" เป็นภาพเขียนที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2319 ซึ่งนับได้ว่าเป็นสมุดภาพไตรภูมิขนาดใหญ่เล่มหนึ่งของเมืองไทย เมื่อคลี่ออกจะมีความยาวถึง 34.72 เมตร เขียนด้วยสีลงในสมุดทั้ง 2 ด้าน โดยฝีมือช่างเขียน 4 คน ปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ ณ หอสมุดแห่งชาติท่าวาสุกรี กรุงเทพฯ
งานฝีมือช่าง
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเล็งเห็นว่า ช่างไทยสมัยธนบุรีมีเหลืออยู่น้อยมากจึงโปรดเกล้าฯให้รวบรวมและฟื้นฟูการช่างทุกแขนงขึ้นใหม่ เช่น ช่างต่อเรือ ช่างก่อสร้าง ช่างรัก ช่างประดับ และช่างเขียน แต่เนื่องจากมีเวลาจำกัด บ้านเมืองอยู่ในระหว่างสงคราม สิ่งของที่เป็นฝีมือช่างชั้นดีประณีตงดงามจริงๆ ในสมัยธนบุรีจึงหาได้ยากที่มีให้เห็นอยู่บ้าง ได้แก่
พระแท่นบรรทม ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประดิษฐาน อยู่ที่วัดอินทาราม ฝั่งธนบุรี
พระแท่นสำหรับทรงเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารเล็กหน้า
พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม ฝั่งธนบุรี
ตู้ลายรดน้ำ ที่มีศักราชแจ้งชัดว่าสร้างในสมัยกรุงธนบุรี อยู่ในหอสมุดวชิรญาณ ภายในหอสมุด
แห่งชาติท่าวาสุกรี กรุงเทพฯ
ท้องพระโรงพระราชวังเดิม ซึ่งเคยเป็นที่ประทับและเสด็จออกว่าราชการ ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของ
กองทัพเรือ |