ด้านการทหารเรือ
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือเป็นพระองค์แรกหลังจาก ได้รับพระราชทานบวรราชาภิเษก และทรงดำรงตำแหน่งนี้อยู่จนตลอดพระชนชีพ นับได้ว่าพระองค์เป็นผู้ทรง วางรากฐานการจัดกิจการทหารเรือให้เข้าสู่ระบบสากลตามแบบอย่างอารยะประเทศ สำหรับพระราชกรณียกิจ ด้านทหารเรือนี้เริ่มเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่ช่วงต้นของปี พ.ศ.2384 ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยได้ทำสงครามติดพันกับญวน ติดต่อกันมาหลายปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์) เป็น แม่ทัพใหญ่คุมกองทัพเรือ ยกทัพไปตีเมืองบันทายมาศ เพื่อทำให้ญวนเกิดความระส่ำระสายและถ่วงเวลาให้ กองทัพบกของไทยทำการถมคลอง ตัดเส้นทางส่งเสบียงตลอดจนเส้นทางคมนาคมเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพญวนมาตั้งในเขมรได้ แต่การศึกครั้งนั้นฝ่ายไทยจำเป็นต้องยกทัพกลับเพราะกองทัพของญวนได้ทำการสู้รบอย่างเข้มแข็ง
หลังพระราชพิธีบวรราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงจัดตั้งกรมทหารเรือวังหน้าขึ้น พระองค์ทรงทำนุบำรุงด้านกำลังทหารเรืออย่างต่อเนื่อง ทรงสร้างโรงทหารเรือขึ้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศใต้ของตำหนักแพ (บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปัจจุบัน) นอกจากนั้นยังได้ทรงดัดแปลงกำปั่นไทยให้เป็นเรือรบ 2 ลำ โดยพระราชทานนามว่า "อาสาวดีรส" และ "ยงยศอโยชฌิยา"
ด้านการทหารบก
ป้อมพิฆาตข้าศึก
ในพ.ศ.2375 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์สร้าง "ป้อมพิฆาตข้าศึก" ขึ้นเพื่อรักษาปากน้ำแม่กลองที่สมุทรสงครามนับเป็น พระราชกรณียกิจแรกที่เกี่ยวกับราชการบ้านเมืองซึ่งได้มีการบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดาร
กองอาสาญวนและกองทหารต่างด้าว
ในรัชสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพวกญวนอพยพเข้ามา 3 ครั้งด้วยกัน ในครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2377 ได้มีพวกญวนที่นับถือศาสนาคริสต์อพยพเข้ามาด้วย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้แยกจากพวกนับถือศาสนาพุทธ มาตั้งบ้านเรือนบริเวณสามเสน โดยให้ขึ้นกับสมเด็จเจ้าฟ้า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ และฝึกหัดให้เป็นทหารปืนใหญ่ ในการอพยพในครั้งที่ 3 ในปีพ.ศ.2383 เป็นพวกญวนที่นับถือศาสนาพุทธ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้พวกนี้ไปอยู่ที่บางโพธิ์ และขึ้นอยู่กับสมเด็จพระเจ้า น้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ สังกัดกรมอาสาญวน เป็นพลทหารปืนใหญ่ประจำป้อม นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงเป็นผู้บัญชาการทหารปืนใหญ่และทหารต่างด้าว ได้ทรงจัดวิธีการฝึกทหารแบบตะวันตกขึ้น ทรงปรับปรุงและจัดเป็นวิชาการทหารปืนใหญ่ตามแบบยุโรปทั้งทางด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธีโดยใช้ปืน ใหญ่ซึ่งหล่อขึ้นเองด้วยเหล็ก ส่วนเครื่องแบบได้ให้แต่งตามแบบทหารซีปอย
ตำราปืนใหญ่
ในฐานะที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแม่กองฝึกยิงปืนใหญ่ และทรงบังคับบัญชาทหารปืนใหญ่ ทำให้จำเป็นต้องมีตำราเพื่อใช้ในการฝึก จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์ตำราปืนใหญ่ขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2348 โดยทรงแปลจากตำราภาษาอังกฤษ การหล่อปืนตามแบบวิธีการสมัยใหม่ และการยิงปืน ทรงรวบรวมทำเนียบนามปืนใหญ่ ตลอดจนความเชื่อและเคล็ดลับอาถรรพ์ต่างๆ ของไทยแทรกไว้ด้วย ตำรานี้เดิมใช้ฝึกหัดทหาร ปืนใหญ่ญวน แต่ต่อมาได้ใช้นำมาฝึกหัดทหารปืนใหญ่ของไทยเรื่อยมา จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้มีต้นฉบับเป็นสมุดเขียนตัวรงค์ด้วยลายมืออาลักษณ์
การวางผังถนนเจริญกรุง
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความเชี่ยวชาญในเรื่องปืนใหญ่ได้ทรง ทักท้วงการวางผัง การตัดถนนสายตรงจากสามแยกพุ่งเข้ามายังพระนคร เพราะทรงเห็นว่าหากข้าศึกนำปืนใหญ่มาตั้งที่ถนน จะง่ายต่อการยิงเข้าประตูเมือง ดังนั้นจึงได้ตัดถนนเจริญกรุงโค้งอ้อมมาทางสะพานดำรงสถิตซึ่งจะเห็นว่าปัจจุบันถนนนี้มีการหักมุมกันอยู่ |